ในฐานะทีมจ่าฝูง ลา ลีกา จึงแน่นอนอยู่แล้วว่า แอตเลติโก มาดริด มีโอกาสเข้าวินในซีซั่นนี้
แม้เท่าที่ผ่านมา ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ จะยืนยันว่าขอดูสถานการณ์แบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ แต่จะว่าไปแล้ว มีหลายเหตุผลที่ฟ้องอยู่ว่าทีมตราหมีมีแววจบซีซั่นในฐานะแชมป์ลีกเมืองกระทิง
และนี่คือเหตุผลสำคัญบางประการ
เกมรุก
ถึงตอนนี้ แอตเลติโก มาดริด สอยตาข่ายชาวบ้านได้มากกว่าช่วงเดียวกันของซีซั่นก่อนเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
จากจำนวน 29 ประตูในการลงสนาม 15 นัด หมายความว่าพวกเขาทำประตูได้เฉลี่ยนัดละสองเม็ดซึ่งเหนือกว่าที่พวกเขาทำได้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
เท่านั้นไม่พอ พวกเขายังคลำเป้าได้จากนักเตะหลายรายอีกด้วย
อาทิ หากไม่ใช่วันของ หลุยส์ ซัวเรซ พวกเขาก็ยังมี มาริโอ เอร์โมโซ่ หรือไม่ก็ มาร์กอส ยอเรนเต้ เป็นตัวช่วยอย่างเช่นเกมที่พวกเขาบุกไปทุบ เรอัล โซเซียดาด ทีมในกลุ่มบนของตารางด้วยกัน 2-0
แผงหลังอย่างหนา
จากผลงานโดนยิงประตูไปแค่ 6 ลูกจาก 15 เกม ส่งผลให้ ยาน โอบลัค มีโอกาสคว้ารางวัลนายทวารยอดเยี่ยมของ ลา ลีกา เป็นสมัยที่ห้า
ปฏิเสธไม่ได้ว่าซีซั่นนี้มือกาวทีมชาติสโลวีเนียยังมีฟอร์มที่เหนียวหนึบเหมือนเคย หากแต่เขาได้รับความช่วยเหลือจากแผงแบ็คโฟร์ที่อยู่เบื้องหน้าเขา อีกทั้งขยับขึ้นไปสูงกว่านั้นก็ยังมีขุนพลตราหมีรายอื่นๆที่ช่วยกันไล่แย่งบอลจากทีมคู่แข่ง
จึงเท่ากับว่าทั้งหมดคือปราการด่านสำคัญที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามพังทลายเกมรับของ แอตเลติโก มาดริด ได้อย่างยากลำบาก ไม่ว่าทีมนั้นๆจะมีเกมรุกที่ร้ายกาจขนาดไหนก็ตาม
ขุมกำลังเชิงลึก
ต่อให้ดาวดังคนสำคัญของทีมอย่าง โฆเซ่ มาเรีย ฆิมเเนซ และ ชูเอา เฟลิกซ์ ขาดหายไปในบางช่วงของซีซั่น ซิเมโอเน่ ก็ยังสามารถเรียกขานใช้บริการลูกทีมบางรายได้อย่างเช่น ซาอูล , เชฟเฟร่ กงด็อกเบีย และ เรนาน โลดี้ ที่สามารถทดแทนอุดช่องโหว่ได้
นอกจากนี้ เขายังมี ลูกัส ตอร์เรยร่า และ วิโตโล่ รออยู่ข้างสนามที่พร้อมลงไปพลิกสถานการณ์ในเกมที่ยากลำบากได้ตลอดเวลา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีซั่นนี้มีกฏการเปลี่ยนตัวสำรองได้ห้าราย จึงช่วยส่งเสริมความได้เปรียบให้กับทีมที่มีขุมกำลังเชิงลึกที่เพียบพร้อม
ไม่พึ่งนักเตะคนใดคนหนึ่ง
ในซีซั่นนี้ แอตเลติโก้ มาดริด พิชิต บาร์เซโลน่า ได้โดยที่ไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ และสยบ เรอัล โซเซียดาด ได้สำเร็จโดยที่ไม่มี ชูเอา เฟลิกซ์
นี่เองที่เป็นหลักฐานบ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครคนใดคนหนึ่งเนื่องจากทีมเมืองหลวงมีคุณภาพมากเกินพอถึงขั้นที่นักเตะสามารถลงสนามทดแทนกันได้
และมันจะยิ่งเพิ่มพูนความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อซีซั่นดำเนินไป
เกมโจมตีทางริมเส้น
ยันนิค การ์ราสโก้ และ ยอเรนเต้ กลายเป็นปีกที่เปี่ยมไปด้วยพิษสงอย่างเห็นได้ชัดในซีซั่นนี้
ทั้งคู่สร้างความหวาดผวาให้กับกองหลังฝ่ายตรงข้าม และเป็นตัวตัดสินผลลัพธ์ของเกมได้อยู่บ่อยๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองยังช่วยทีมเล่นเกมรับอีกต่างหาก มันจึงทำให้ทีมของ ซิเมโอเน่ มีความสมดุลย์ตลอดทั้ง 90 นาที
ความเชื่อมั่น
อย่างที่ได้เห็นกันเต็มสองตาว่าทีมตราหมีชุดนี้มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงลิบ
มันสะท้อนให้เห็นจากการพยายามคว้าชัยชนะของพวกเขา และแม้จะสอยตาข่ายนำหน้าทีมคู่แข่งไปก่อน พวกเขาก็พยายามคลำเป้าเพิ่มอีกเสมอ
บอกได้เลยว่าลูกทีมของกุนซืออาร์เจนไตน์รู้สึกว่าปีนี้เป็นปีของพวกเขา และพวกเขากำลังทำงานร่วมกันเพื่อไขว่คว้าความสำเร็จ
จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเอาตัวรอดจากเกมที่ยากลำบากได้ด้วยการกำชัยได้เกมแล้วเกมเล่ารวมห้านัดรวด นับตั้งแต่ออกไปแพ้ เรอัล มาดริด 2-0 ในศึกดาร์บี้แมตช์
ความฟิตที่เหนือกว่า
มีหลายต่อหลายครั้งที่ แอตเลติโก มาดริด ซิวชัยได้ในช่วงครึ่งหลัง หรือแม้กระทั่งนาทีท้ายๆ
มันชี้ให้เห็นว่าความฟิตของทีมมีส่วนสำคัญยิ่ง ยกตัวอย่างเช่น ยอเรนเต้ ซึ่งโดดเด่นเกินใคร แต่นักเตะรายอื่นๆก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาสักเท่าไหร่
หิวกระหายมากกว่าเคย
ทีมชุดนี้หิวกระหายคว้าแชมป์อย่างยิ่งเนื่องจากพวกเขาไม่ได้สัมผัสกับแชมป์ ลา ลีกา มาตั้งแต่ปี 2014
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โอบลัค หนึ่งในกัปตันทีมซึ่งยังไม่เคยได้ชูโทรฟี่หลังย้ายมาร่วมทีมในซีซั่น 2014/15 หลังจาก แอตเลติโก มาดริด ได้แชมป์ลีกหนสุดท้ายไปหมาดๆ
ความกลมเกลียว
เมื่อถึงคราวคับขัน ความเป็นปึกแผ่นของทีมบ่งบอกตัวตนของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
พวกเขามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และมุ่งมั่นที่จะทำลายทุกอย่างที่ขวางทางอยู่ตรงหน้า
พวกเขาไม่ใช่ทีมรวมดารา และแม้แต่ ซัวเรซ ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำก็เข้ากับทีมได้อย่างกลมกลืน
ซิเมโอเน่